ธรรมยาตราประกาศศตวรรษแห่งธรรม

ธรรมยาตราประกาศศตวรรษแห่งธรรม ณ ดินแดนพุทธภูมิ เป็นโครงการต่อยอดจากโครงการธรรมยาตราครั้งที่ 3 “ธรรมยาตราพระบรมสารีริกธาตุ มหานทีคงคาลุ่มน้ำโขง” เป็นการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุพระสารีบุตรและพระมหาโมคคัลลานะ จากสาธารณรัฐอินเดีย มาประดิษฐานชั่วคราว ณ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 22 กุมภาพันธ์ – 19 มีนาคม พ.ศ.2567 ในการจัดโครงการ ธรรมยาตราประกาศศตวรรษแห่งธรรม ณ ดินแดนพุทธภูมิ ครั้งนี้ เป็นการจัดธรรมยาตรา ครั้งที่ 4 ภายใต้ชื่อโครงการ “ธรรมยาตรา ครั้งที่ 4 ลุ่มน้ำโขงสู่มหานทีคงคา ประกาศศตวรรษแห่งธรรม ณ ดินแดนพุทธภูมิ สาธารณรัฐอินเดีย”  โดยมีกำหนดการดำเนินงานระหว่างวันที่ 2 – 10 ธันวาคม 2567 รวม 9 วัน
สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 เป็นสถาบันคลังปัญญาแห่งหนึ่งของประเทศไทย ที่มีพันธกิจหลักในการดำเนินกิจกรรมหรือโครงการต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนการเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ ส่งเสริมความเข้าใจด้วยการตระหนักรู้คุณค่าของหลักธรรม สร้างเครือข่ายศาสนสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เชื่อมโยงผู้คนที่มีพหุวัฒนธรรมในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และประเทศอื่นๆทั่วโลก
สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ก่อตั้งขึ้นในดินแดนต้นกำเนิดพระธรรม เมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2550 เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาล 9 ปัจจุบันสถาบันฯตั้งอยู่ที่วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ เมืองกุสินารา รัฐอุตตรประเทศ ,วัดไทยพุทธคยา เมืองคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย และกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ตลอดระยะเวลากว่า17 ปี ได้ดำเนินกิจกรรมและโครงการต่างๆตามพันธกิจ โดยมีกิจกรรมเป็นที่รู้จัก คือ งานธรรมยาตรา 5 แผ่นดินลุ่มน้ำโขง (ไทย-เมียนมา-เวียดนาม-สปป.ลาว-กัมพูชา) จำนวนสองครั้ง ในปี พ.ศ. 2560 และปี พ.ศ. 2562 โดยเมื่อปีพ.ศ.2567 สถาบันฯร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม รัฐบาลไทย และรัฐบาลอินเดีย ผ่านทางสถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย อันเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตร และพระมหาโมคคัลลานะ จากสาธารณรัฐอินเดีย มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ถึง 19 มีนาคม พ.ศ. 2567 ภายใต้โครงการธรรมยาตรา ครั้งที่ 3 ในชื่อ ธรรมยาตรา พระบรมสารีริกธาตุ มหานทีคงคาลุ่มน้ำโขง โดยมีประชาชนมากกว่า 4 ล้านคนเข้ากราบสักการะบูชา นับเป็นช่วงเวลาสำคัญทางประวัติศาสตร์ในฐานะการรวมตัวของชาวพุทธที่ใหญ่ที่สุดในยุคปัจจุบัน แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาอันลึกซึ้งต่อพระรัตนตรัย และความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมที่มีร่วมกันระหว่างอินเดีย ไทย ตลอดทั่วทั้งอนุภูมิภาค ยังให้เกิดความปีติอันยิ่งใหญ่ที่อินเดียได้นำกลับมาสู่คนไทยอีกครั้ง และจะดำรงศาสนสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นนี้ให้คงอยู่ตลอดไป
จากโครงการธรรมยาตรา ครั้งที่ 3 ธรรมยาตรา พระบรมสารีริกธาตุ มหานทีคงคาลุ่มน้ำโขง อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย ได้แสดงให้เป็นที่ประจักษ์ถึงพลังแห่งความศรัทธาของมหาชนชาวไทย และประเทศใกล้เคียง บันทึกเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ และความสัมพันธ์อันดีระหว่างราชอาณาจักรไทย และสาธารณรัฐอินเดีย
จวบจนปลายปี พ.ศ.2567 สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย980 ร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรสำคัญของประเทศไทย และสาธารณรัฐอินเดีย จัดโครงการธรรมยาตรา ครั้งที่4 ลุ่มน้ำโขงสู่มหานทีคงคา ประกาศศตวรรษแห่งธรรม ณ แดนพุทธภูมิ สาธารณรัฐอินเดีย (The 4th Dhammayatra to Buddhabhoomi : Mekong – Ganga Declaration on Dhamma Century) ขึ้น โดยใช้เส้นทางปัตนะ-พุทธคยา-นิวเดลี-คุชราต ระหว่างวันที่ 3 – 10 ธันวาคม พ.ศ. 2567 เพื่อเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างอารยธรรมแม่น้ำโขงและแม่น้ำคงคา สนับสนุนการเผยแผ่พุทธธรรมไปทั่วโลก โดยจะมีการประกาศ “ปฏิญญาว่าด้วยศตวรรษแห่งธรรม” (Declaration on Dhamma Century) บนพื้นฐานของวิสัยทัศน์ศตวรรษแห่งเอเชียตามหลักธรรมที่นายกรัฐมนตรีอินเดียมอบไว้เมื่อปี พ.ศ.2558
สัญลักษณ์แห่งวาระสำคัญครั้งประวัติศาสตร์ของโครงการธรรมยาตรา ครั้งที่ 4 แม่โขง-คงคาสู่แดนพุทธภูมิ และการประกาศศตวรรษแห่งธรรม คือ การบรรจุ Time Capsule หรือ แคปซูลกาลเวลา ปฏิญญาความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและประเทศอินเดีย ร่วมประกาศศตวรรษแห่งธรรม นำโดยดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิยาวิชชาลัย980 ร่วมกับผู้นำองค์กรพันธมิตร และนักวิชาการทางพระพุทธศาสนาจากภูมิภาคแม่น้ำโขง และแม่น้ำคงคา ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ณ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ บริเวณโพธิมณฑล เมืองพุทธยา ประเทศอินเดีย
Time Capsule หรือ แคปซูลกาลเวลา ปฏิญญาความร่วมมือประกาศศตวรรษแห่งธรรม ระหว่างประเทศไทยและประเทศอินเดีย เป็นการเก็บรักษาบันทึกความร่วมมือที่เป็นหลักจารึกสำคัญครั้งประวัติศาสตร์แห่งชนชาติ ที่บรรจุไว้ ณ แผ่นดินพุทธสถานแห่งการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้คนในอนาคตได้รับทราบเหตุการณ์สำคัญในศตวรรษที่21 เป็นหลักฐานยืนยันความสำคัญของหลักพุทธธรรมต่อมวลมนุษยชาติไปตลอดกาล
อนึ่ง “ศตวรรษแห่งธรรม” มิใช่เป็นเพียงหมุดหมายทางกาลเวลา แต่สะท้อนถึงความความมุ่งมั่นร่วมกันของทุกคนเพื่อนำหลักธรรมเป็นแนวทางดำเนินชีวิต เป็นศตวรรษที่มนุษยชาติซึ่งไร้ข้อจำกัดด้วยภูมิหลังศาสนา มารวมตัวกันเพื่อสร้างยุคใหม่แห่งสันติภาพ ความเข้าใจ และความเคารพซึ่งกันและกัน โดยมีธรรมเป็นที่ตั้ง และบรรลุด้วยธรรมวิชัย ซึ่งหมายถึง ชัยชนะด้วยธรรม มิใช่ด้วยความรุนแรงหรือความแตกแยก แต่ด้วยการปฏิบัติความจริง ความเมตตา และความเคารพซึ่งกันและกันในชีวิตประจำวัน
ทั้งนี้สาเหตุสำคัญของการสร้างศตวรรษแห่งธรรม คือความจำเป็นที่เร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทั่วโลกที่เรากำลังเผชิญในปัจจุบัน ความขัดแย้งทางอาวุธ ความไม่มั่นคงทางการเมือง ความแตกแยกทางสังคม การทำลายสิ่งแวดล้อม และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ปัญหาเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการดำรงอยู่ของมนุษยชาติ ศตวรรษแห่งธรรมจึงหลอมรวมให้เรารวมตัวกัน เพื่อข้ามผ่านความแตกต่างของเรา และค้นหาจุดร่วมด้วยหลักการธรรมสากลที่มุ่งสันติ เคารพ และและสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับมนุษยชาติ
ในการนี้จะมีการถวายสักการะใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์และพระมหาเจดีย์พุทธคยา และถวายราชสักกการะรำลึกถึงวันคล้ายวันพระราชสมภพปีที่ 97 ของพระบาททสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567
นอกจากนี้ช่วงเวลาในการฝัง Time Capsule จารึก234 เป็นปี พ.ศ.234 ที่พระเจ้าอโศกมหาราชส่งคณะสมณทูตออกเผยแผ่พุทธศาสนายังดินแดนต่างๆรวม 9 สาย อีกทั้งตัวเลขปี พ.ศ.234 ยังรวมกันได้เลข 9 หมายถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ผู้ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภกของราชอาณาจักรไทยด้วย
1. เพื่อประกาศแนวคิดการสร้างศตวรรษแห่งธรรม ตามแนวทางแห่งความสงบสุขจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากปราศจากหลักธรรมของทุกศาสนา เพื่อสร้างสันติสุขให้แก่มวลมนุษยชาติ
2. การฝัง Time Capsule หรือ แคปซูลกาลเวลา เพื่อเป็นจารึกบันทึกประวัติศาสตร์ความร่วมมือระหว่างไทยและอินเดีย เพื่อยืนยันความสำคัญตลอดกาลของพุทธธรรมต่อมวลมนุษยชาติ
3. เพื่อขยายความร่วมมือการนำหลักธรรม สร้างสันติสุขแก่ทุกชาติทุกศาสนาด้วยหลักการแห่ง “มนุษยธรรม”
4. เพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ความร่วมมือในระดับนานาชาติ
5. สร้างเครือข่ายพันธมิตร ศาสนิกสัมพันธ์ร่วมประกาศศตวรรษแห่งธรรมในเวทีระหว่างประเทศ อาทิ SAMVAD และ สหประชาชาติ ต่อไปในอนาคต
6. เพื่อประเทศไทยเป็นศูนย์กลางความร่วมมือและสามารถพัฒนาไปสู่การเป็นศตวรรษแห่งธรรม
1. การจาริกและดำเนินกิจกรรมการตื่นรู้ สู่ศตวรรษแห่งธรรมตามเส้นทาง เส้นทางปัตนะ-พุทธคยา-นิวเดลี-คุชราต
2. การประกาศศตวรรษแห่งธรรม ณ บริเวณโพธิมณฑล พุทธสถานแห่งการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
3. การบรรจุ Time Capsule หรือ แคปซูลกาลเวลา ปฏิญญาความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและประเทศอินเดีย วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ณ บริเวณโพธิมณฑล พุทธสถานแห่งการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
4. มอบเข็มที่ระลึกรูปใบโพธิ์ สัญลักษณ์โครงการ ธรรมยาตรา ครั้งที่4
5. เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ทั้งในประเทศไทย ประเทศอินเดีย และนานาชาติ
6. สถาบันฯร่วมหารือเกี่ยวกับความร่วมมือเพิ่มเติม กับผู้นำรัฐบาล รัฐคุชราต ประเทศอินเดีย ถึงแนวทางส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรม ตามโครงการ Devni Mori Grand Relics Stupa สร้างความสัมพันธ์อันลึกซึ้งทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมระหว่างอินเดียและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของมรดกฮินดู-พุทธที่มีร่วมกัน
1. ผู้นำองค์กรนานาชาติ
2. พุทธบริษัทชาวไทย และนานาชาติ
3. องค์กรพันธมิตรต่างชาติ และต่างศาสนา
1. สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980
2. สถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย
3. สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศอินเดีย
4. รัฐพิหาร สาธารณรัฐอินเดีย
5. รัฐคุชราต สาธารณรัฐอินเดีย
6. วัดไทยพุทธคยา สาธารณรัฐอินเดีย
7. Vivekananda International Foundation, India (VIF)
8. International Center for Cultural Studies, India (ICCS)
9. International Buddhist Confederation (IBC)
10. International Buddhist Council of Bodhgaya (IBC Bodhgaya)
11. The Light of Buddha dharma Foundation International (LBDFI)
12. USA and International Tipitaka Chanting Council (ITCC)
13. Mahabodhi Society of Sri Lanka
14. India Studies Center, Ubon Ratchathani University, Thailand
15. มูลนิธิวีระภุชงค์
วันที่ 2 – 10 ธันวาคม พ.ศ. 2567 รวม 9 วัน
1. ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางความร่วมมือองค์กรศาสนิกสัมพันธ์ทั่วโลกทุกชาติ ทุกศาสนา
2. สามารถพัฒนาไปสู่การเป็นศตวรรษแห่งธรรม (Century of Dhamma) ด้วยการนำหลักธรรม ความเชื่อ ตามหลักธรรมของทุกศาสนาเป็นกลไกสำคัญในการเชื่อมโยงความร่วมมือการส่งเสริมหลักแห่ง “มนุษยธรรม” ของประชาคมโลก
3. เพื่อสร้างความสงบสุขแก่มวลมนุษยชาติ

งานแถลงข่าว

ธรรมยาตราประกาศศตวรรษแห่งธรรม

Press Release

ประมวลภาพ

หมุดหมาย

ธรรมยาตราประกาศศตวรรษแห่งธรรม ณ ดินแดนพุทธภูมิ

บทสรุป

ธรรมยาตราประกาศศตวรรษแห่งธรรม

REPORT

ธรรมยาตราประกาศศตวรรษแห่งธรรม

Time Capsule

จดหมายถึงท่านผู้อ่านในอนาคต
พลังศรัทธาอย่างยิ่งในพระรัตนตรัย สู่การประกาศ “ปฏิญญาว่าด้วยศตวรรษแห่งธรรม”ยืนยันความสำคัญการปกปักรักษาและเผยแผ่พระธรรมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารวมถึงหลักธรรมทุกศาสนาที่ต่างก็มีคำสอนร่วมกันในการส่งเสริมการทำความดีเพื่อนำพาสันติสุขสู่มวลมนุษยชาติในวันนี้และอนาคต บรรจุไว้ในไทม์แคปซูล 3 แห่ง คือ ที่ประเทศอินเดีย 2 แห่ง ได้แก่ เมืองคยา แดนตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ และเมืองคุชราต บ้านเกิดนายกรัฐมนตรีนเรนทา โมดี และ ประเทศไทย 1 แห่ง คือ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร

Video Playlist

ธรรมยาตราประกาศศตวรรษแห่งธรรม

4th DhammayatraPlaylist

11 Videos

Photo Gallery

ธรรมยาตราประกาศศตวรรษแห่งธรรม