งานวิจัยอิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาค

ในประเทศไทย
งานวิจัยความเชื่อพญานาค

งานวิจัยอิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาค เป็นโครงการต่อยอดหลังจากงาน ธรรมยาตรา 5 แผ่นดินลุ่มน้ำโขงทั้ง ๒ ครั้ง ในหัวข้อ อิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาคที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง 5 แผ่นดิน ที่มีต่อวิถีชีวิต วัฒนธรรม และ ประเพณี  เป็นความร่วมมือระหว่าง “สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย” กับ “คณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย” โดยการสนับสนุนของมูลนิธิวีระภุชงค์ ซึ่งโครงการวิจัยอิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาค จะเป็นงานวิจัยที่รวบรวมความเชื่อเกี่ยวกับพญานาค แบบครบทุกมิติ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่จะรวบรวมความเชื่อเกี่ยวกับ “พญานาค” ในพุทธศาสนาโดยมีเป้าหมายนำองค์ความรู้ “ความเชื่อเรื่องพญานาค” ยกระดับเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง และขอขึ้นทะเบียนรายการต่อองค์การยูเนสโกร่วมกัน 5 ประเทศ ไทย ลาว กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม นี่คือความฝันของพวกเรา ที่จะสร้างประวัติศาสตร์ของชาวพุทธลุ่มน้ำโขงที่มีมรดกโลกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมร่วมกัน

พิธีลงนามบันทึกความเข้าใจในสัญญา

งานวิจัยอิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาคที่มีต่อพระพุทธศาสนา

ในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง 5 แผ่นดิน

สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 กับ คณะพุทธศาสตร์ มจร.

วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2563

“สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย” ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) และสัญญา งานวิจัยอิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาค ร่วมกัน กับ”คณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย” เรื่อง”อิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาคเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง 5 แผ่นดิน”

งานวิจัยอิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาค เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาในลุ่มแม่น้ำโขง เนื่องจากตลอดการเดินทางในงาน ธรรมยาตรา 5 แผ่นดิน ไทย ลาว กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม ที่ผ่านมา พบว่าทุกวัดมีเรื่องราวและรูปปั้นพญานาค จึงทำให้คิดถึงการรวบรวมองค์ความรู้เรื่องพญานาคที่ถูกต้องให้ครอบคลุม เพื่อค้นหาความผูกพันขององค์พญานาคในการพิทักษ์ปกป้องพระพุทธศาสนา และทำความเข้าใจเรื่องความเชื่อเรื่อง พญานาคให้ถูกต้อง สถาบันฯ จึงสนับสนุนให้มีการศึกษาวิจัยเรื่อง “อิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาคที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาในลุ่มแม่น้ำโขง” ขึ้น ซึ่งมีคณะผู้วิจัยเป็นผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูงจากการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีของคณะสงฆ์ไทย และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการพระพุทธศาสนา จากคณะพุทธศาสตร์ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย นำโดย พระเดชพระคุณ พระเมธีวรญาณ ป.ธ.9 ผศ.ดร. รองคณบดีฝ่ายบริหาร รับเป็นผู้อำนวยการแผนงานวิจัยทั้งชุด

ผลการดำเนินการวิจัยชุดแรกเรื่อง “อิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาคที่มีต่อพระพุทธศาสนาในประเทศไทย” ได้ดำเนินการวิจัยได้สำเร็จลงแล้ว และลำดับต่อไปได้วางแผนลงพื้นที่วิจัยที่ประเทศลาว กัมพูชา เมียนมา และเวียดนาม โดยมีเป้าหมายนำองค์ความรู้ “ความเชื่อเรื่องพญานาค” ยกระดับเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง และขอขึ้นทะเบียนรายการต่อองค์การยูเนสโกร่วมกัน 5 ประเทศ ไทย ลาว กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม นี่คือความฝันของพวกเรา ที่จะสร้างประวัติศาสตร์ของชาวพุทธลุ่มน้ำโขงที่มีมรดกโลกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมร่วมกัน 

งานเสวนา “อิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาค ที่มีต่อพระพุทธศาสนาในประเทศไทย”

งานแถลงข่าว “งานวิจัยอิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาค สู่มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม”

วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2565
เนื่องในโอกาสสรุปงานวิจัยชุดแรกหัวข้อ “อิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาคที่มีต่อพระพุทธศาสนาในประเทศไทย” ภายใต้แผนการวิจัยหัวข้อ “อิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาคที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาในลุ่มแม่น้ำโขง” โดยจะลงพื้นที่ศึกษาวิจัยในหัวข้อเดียวกันที่ลาว กัมพูชา เวียดนาม เมียนมา เร็วๆ นี้
ในการนี้สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ประกาศผลักดันความเชื่อเรื่องพญานาค เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง ขอขึ้นทะเบียนรายการต่อองค์การยูเนสโกร่วมกัน 5 ชาติ ไทย ลาว กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม
ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 กล่าวว่า “ความคิดริเริ่มสนับสนุนการทำ งานวิจัยอิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาค ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาในลุ่มแม่น้ำโขงนั้น ได้มาจากการวางแผนจัดกิจกรรมเพื่อสร้างเสริมความตระหนักในการนำแก่นธรรมมาใช้ในการดำเนินชีวิตของคนในลุ่มน้ำโขง เนื่องจากตลอดการเดินทางในงานธรรมยาตรา 5 แผ่นดินไทย ลาว กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม ที่ผ่านมา พบว่า ทุกวัดมีเรื่องราวและรูปปั้นพญานาค ไม่ว่าจะเป็นวัดพุทธเถรวาทหรือมหายาน จึงทำให้คิดถึงการรวบรวมองค์ความรู้เรื่องพญานาคที่ถูกต้องให้ครอบคลุม เพื่อค้นหาความผูกพันขององค์พญานาคในการพิทักษ์ปกป้องพระพุทธศาสนา และลบความเชื่อผิด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับองค์พญานาคออกไป สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 จึงสนับสนุนให้มีการศึกษาวิจัยเรื่อง “อิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาคที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาในลุ่มแม่น้ำโขง” ขึ้น ซึ่งมีคณะผู้วิจัยเป็นผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูงจากการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีของคณะสงฆ์ไทย และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการพระพุทธศาสนา จากคณะพุทธศาสตร์ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย นำโดยพระเมธีวรญาณ ป.ธ.9 ผศ.ดร. รองคณบดีฝ่ายบริหาร รับเป็นผู้อำนวยการแผนงานวิจัยทั้งชุด
“จากแนวการศึกษาวิจัยชุดแรกที่ประเทศไทยได้สำเร็จลงแล้ว ได้วางแผนลงพื้นที่วิจัยที่ ลาว กัมพูชา เมียนมา และเวียดนาม โดยมีเป้าหมายนำองค์ความรู้ “ความเชื่อเรื่องพญานาค” ยกระดับให้เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง และขอขึ้นทะเบียนรายการต่อองค์การยูเนสโกร่วมกัน 5 ประเทศ ไทย ลาว กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม นี่คือความฝันของพวกเรา ที่จะสร้างประวัติศาสตร์ของชาวพุทธลุ่มน้ำโขงที่มีมรดกโลกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมร่วมกัน” เชื่อมั่นว่าเมื่องานวิจัยนี้สำเร็จครบสมบูรณ์ จะมีข้อมูลและองค์ความรู้ที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม จนสามารถผลักดันความฝันที่จะนำเรื่องนี้ยกระดับขึ้นสู่มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขงร่วมกัน 5 ชาติ

งานวิจัยอิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาค

ที่มีต่อพระพุทธศาสนาในประเทศไทย

บทสรุปสำหรับผู้บริหาร

รายงานการวิจัย

อิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาค

ที่มีต่อพระพุทธศาสนาในประเทศไทย

การเดินทางเพื่อสักการะนาคบารมี

พิธีบวงสรวงองค์พญานาคและทวยเทพ

งานวิจัยอิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาค

ระหว่างวันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

ถึงวันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

เนื่องในโอกาสงานสรุปโครงการวิจัย “อิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาคที่มีต่อพระพุทธศาสนาในประเทศไทย” โดย สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 มูลนิธิวีระภุชงค์ร่วมกับ คณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย  โดยคณะผู้วิจัยเป็นผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูงจากการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีของคณะสงฆ์ไทยและเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการพระพุทธศาสนาจากคณะพุทธศาสตร์ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย นำโดย พระเดชพระคุณ พระเมธีวรญาณ รองคณบดีฝ่ายบริหาร รับเป็นผู้อำนวยการแผนงานวิจัยทั้งชุด จึงขอถือโอกาสมงคลนี้จัดพิธีเจริญพุทธมนต์และบวงสรวงองค์พญานาคและทวยเทพให้รับรู้ถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของพวกเรา และสนับสนุนอวยชัยให้พวกเราได้ทำการอันเป็นกุศลนี้สำเร็จ ระหว่างวันพุธที่ 6 กรกฎาคม ถึงวันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 สุดท้ายคือการแสดงกตัญญูกตเวทิตา ด้วยการแผ่บุญอุทิศกุศลไปยังองค์พญานาคทั้งหลายและทวยเทพทั้งหลาย ซึ่งจัดขึ้นที่วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ ตำบลนาสีนวน อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ในวันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เวลา 19.00 น.เพื่อให้ท่านได้อนุโมททนาในกุศลผลบุญของพวกเราเพื่อเป็นพลวปัจจัย เป็นฐานตามส่งให้เกิดปัญญาญาณ จนเข้าถึงความพ้นทุกข์คือพระนิพพาน

สักการะนาคบารมี วันที่ 6 กรกฎาคม 2565

วัดมณีวงศ์ อ.เมือง จ.นครนายก

ชมวัดเก่าแก่กว่า 100 ปี สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์วังรัตนมณีมหานครบาดาลนาคราช สถานที่จำลองถ้ำพญานาคเมืองบาดาลที่มีพญานาคนับพันตัวจาก 4 ตระกูล คือ ตระกูลวิรูปักษ์(สีทอง) ตระกูลเอราปถะ(สีเขียว) ตระกูลฉัพพยาปุตะ(สีรุ้ง) และตระกูลกันหาโคตะมะ(สีดำ)

วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมโหสภ จ.ปราจีนบุรี

สวดมนต์ เจริญจิตภาวนา ใต้ต้นโพธิ์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยที่เชื่อว่านำหน่อมาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย มีอายุกว่า 2000 ปี

กลุ่มโบราณสถานวัดสระมรกต อ.ศรีมโหสภ จ.ปราจีนบุรี

สักการะรอยพระพุทธบาทคู่ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยสันนิษฐานว่า อยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 14 มีอายุราว 2000 กว่าปี

วัดหว้าเอน อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี

สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สถานที่เชื่อกันว่าเคยเป็นที่อยู่ พญานาคเพชรภัทรนาคราช หรือพญาเกล็ดแก้วนาคราช กำเนิดในตระกูลวิรูปักษ์ พระวรกายสีทองมี 9 เศียร

สักการะนาคบารมี วันที่ 7 กรกฎาคม 2565

วัดป่าศรีมงคลรัตนาราม อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ

เยี่ยมชมถ้ำพญานาควังบาดาล ภายในมีรูปจำลองพญาภุชงค์นาคราช กายมนุษย์ที่สวยงามราวมีชีวิต เล่ากันว่าเป็นพญานาคผู้มีตบะเดชะการบำเพ็ญเพียร ปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา เฝ้าอยู่ ณ พระธาตุจุฬามณีเจดีย์

วัดป่าถ้ำผาเพียงนาคแก้ว อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ

เยี่ยมชมรูปปั้นพญานาค 9 เศียร ที่ชาวบ้านเชื่อกันว่า เห็นลูกแก้วและแสงหลายสีฉายออกมาจากถ้ำ เชื่อกันว่าเป็นดินแดนแห่งมนต์ขลังที่เชื่อมต่อโลกมนุษย์และเมืองบาดาล

บ่อโบราณวังพญานาค หนองเคียง อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ

ชมบ่อโบราณ 9 บ่อ ตำนานเมืองอารยธรรมขอม ที่มาเมืองพญานาค ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เล่าต่อกันมาว่า เคยปกครองด้วยครึ่งมนุษย์และพญานาค

วัดพระธาตุหนองบัว อ.เมือง จ.อุบลราชธานี

สักการะพระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2500 ภายในองค์พระธาตุประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุซึ่งบรรจุไว้ในสถูปลงรักปิดทองศิลปะอินเดียแบบปาละ จากนั้นสักการะรูปปั้น ”พญานาคฉัพยาปุตตะ” หนึ่งในพญานาค 4 ตระกูล

สักการะนาคบารมี วันที่ 8 กรกฎาคม 2565

วัดป่าปากโดม อ.พิบูลย์มังสาหาร จ.อุบลราชธานี

สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อาณาจักรแห่งองค์ธะนะมูลนาคราช ผู้ปกครองแม่น้ำมูล และกำเนิดในตระกูลเอราปะถะ สถานที่แห่งนี้เชื่อว่าเป็นวังเวียงพญานาค เป็นจุดที่ชาวบ้านเห็นพญานาคมาปรากฏกายกลางลำนำ และมีเรื่องเล่า พญานาคแปลงกายพายเรื่อมาใส่บาตร

วัดโขงเจียม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี

สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์วัดโขงเจียม ตำนานพญานาคคู่สีรุ้ง แม่น้ำสองสี เมืองบาดาล วัดโขงเจียม เป็นจุดบรรจบแม่น้ำโขงและแม่น้ำมูล แม่น้ำโขงสีปูน แม่น้ำมูลสีคราม

วัดถ้ำคูหาสวรรค์ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี

สักการะเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ที่วัดถ้ำคูหาสวรรค์ ฟังตำนานพญานาค กราบสรีระหลวงปู่คำคะนิง จุลมณี สรีระไม่เน่าไม่เปื่อย ชมฆ้องใบใหญ่ที่สุดในโลก มีเจดีศรีไตรภูมิสีขาว และจุดชมวิวลำน้ำโขง

พระอริยธาตุเจดีย์ศรีสุวรรณภูมิ อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี

สถานที่ก่อสร้างเจดีย์บรรจุอัฐิธาตุหลวงปู่พระมหาผ่อง สะมาเลิก กราบสักการะ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ธรรมยาตราต้นที่ 1 และรดน้ำมนต้นโพธิ์

สักการะนาคบารมี วันที่ 9 กรกฎาคม 2565

สะพานมิตรภาพไทยลาว แห่งที่ 2 อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร

สักการะศาลพ่อปู่อนันตนาคราช และรูปปั้นพญานาคขนาดใหญ่ที่จุดชมวิวสะพานมิตรภาพไทยลาว แห่งที่ 2

แก่งกระเบา อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร

สักการะบูชาองค์พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช องค์พญานาคสีขาวหมอกประดับด้วยเกล็ดหินอ่อน ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงริมแก่งกระเบา เป็นแลนด์มาร์กแห่งความศรัทธา ที่เชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ นิยมมาขอพร ลอดท้องพญานาค 3 ซุ้ม หมายถึง สุขภาพแข็งแรง ร่ำรวย และความสำเร็จสัมฤทธิ์ผล

วัดพระพุทธบาทภูมโนรมย์ อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร

สักการะพระพุทธมิ่งมงคลมุณีศรีมุกดาหาร รอยพระพุทธบาทจำลอง และองค์พญาศรีมุกดามหามุนีนีลปาลนาคราช

สักการะนาคบารมี วันที่ 10 กรกฎาคม 2565

พระบรมธาตุนาดูน อ.นาดูน จ.มหาสารคาม

สักการะ พระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุนาดูน

คำประกาศเกียรติคุณความดีพญานาค

งานวิจัยอิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาค

โดย ดร.สุภชัย วีระภุชงค์

เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980

ประกาศ ณ วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ.2565

วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ จ.มุกดาหาร

จากศรัทธาความเชื่อเรื่องพญานาคของประชาชนในลุ่มแม่น้ำโขงที่มีมาตั้งแต่บรรพกาลผ่านมาจนถึงยุคปัจจุบัน ทำให้มีวัฒนธรรมประเพณี การดำเนินวิถีชีวิต มีความเกี่ยวข้องกับความเชื่อเรื่องพญานาคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยเหตุผลและความสำคัญดังกล่าวจึงทำให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 มูลนิธิวีระภุชงค์ และคณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในการศึกษาวิจัยเรื่อง “อิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาคที่มีต่อพระพทธศาสนาในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง” ผลของการศึกษาวิจัยทำให้ได้ทราบถึงสถานะและบทบาทของพญานาค
พุทธบริษัททั้งหลายผู้นับถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอันประเสริฐและที่พึ่งอันสูงสุด เชื่อในความมีอยู่จริงของพญานาคผู้มีฤทธิ์นั้นอย่างปราศจากความเคลือบแคลงสงสัย ตามหลักฐานที่มีปรากฏอยู่ในพระพุทธศาสนา และจากคำสอนของพระอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ คุณความดีขององค์พญานาคทั้งหลายที่บำเพ็ญบารมีไว้ดีแล้ว ได้ปรากฏให้เห็นและรับรู้เป็นเรื่องราวมาเป็นเวลายาวนานกว่า ๒๖๐๐ ปี และได้มีบันทึกไว้ในในคัมภีร์พระไตรปิฎกเป็นจำนวนมาก
พญานาคมีความเกี่ยวพันกับวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต ที่ดำรงอยู่คู่กับสังคมชาวพุทธมาอย่างยาวนาน ทั้งในแง่การนำพามาซึ่งการเจริญทางพุทธิปัญญา และด้านการสร้างศรัทธาให้เกิดพลัง เรื่องราวของพญานาคมีปรากฏให้เห็นเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่มนุษย์ได้นำมาพัฒนาต่อยอดเป็นงานศิลปวัฒนธรรมแขนงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานด้านวรรณกรรม จิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรม รวมถึงเรื่องเล่าในลักษณะตำนานพื้นบ้านและประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่มีการสืบทอดต่อกันมาจนกลายเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
ศรัทธาบารมีแห่งองค์พญานาคที่ได้บำเพ็ญสั่งสมมาเป็นเวลายาวนาน และคุณูปการอันยิ่งใหญ่ทั้งหลายเหล่านี้จะยังคงปรากฏอยู่ในความทรงจำของพุทธบริษัททั้งหลายอย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย เราท่านทั้งหลายจึงขอประกาศเกียรติคุณเพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูบูชาสักการะพญานาคทั้งหลายให้ดำรงคงอยู่เพื่อธำรงรักษาพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองตลอดไปตราบนานเท่านาน ชั่วกัลปาวสานตลอดกาลเป็นนิตย์ เทอญ