ชาวอินเดียและศรีลังกา เข้ากราบสักการะ”พระอรหันตธาตุ”ณ พุทธวิหารสาญจี สาธารณรัฐอินเดีย ในรอบ 1 ปี ซึ่งในปีนี้ สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 เข้าร่วมงานตามคำเชิญของประธานพุทธวิหารสาญจี และเป็นหมุดหมายแรกของโครงการธรรมยาตราครั้งที่ 4 ลุ่มน้ำโขงสู่มหานทีคงคา ประกาศศตวรรษแห่งธรรม ณ แดนพุทธภูมิ สาธารณรัฐอินเดีย

ขบวนแห่ถวายข้าวมธุปายาส จัดขึ้นอย่างสวยงาม เพื่อเคลื่อนขบวนไปยังพุทธวิหารสาญจี ในโอกาสครบ 1 ปี ที่ได้อัญเชิญพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ อัครสาวกเบื้องขวาและเบื้องซ้าย ออกมาจากห้องมั่นคงเพื่อให้ชาวอินเดียและศรีลังกา ได้กราบสักการะ ในเวลาเพียง 1 วันเหมือนกับทุกๆปี ซึ่งในปีนี้ ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ได้เข้าร่วมงานตามคำเชิญของ พระอุปติสสะเถโร ประธานพุทธวิหารสาญจี และประธานโพธิสมาคมแห่งศรีลังกาคนปัจจุบัน โดย รัฐมนตรีของรัฐมัธยประเทศ และเลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ได้เข้ากราบสักการะพระอรหันตธาตุ ที่กลายเป็นหมุดหมายแรกของโครงการธรรมยาตรา ครั้งที่ 4 ลุ่มน้ำโขงสู่มหานทีคงคา ประกาศศตวรรษแห่งธรรม ณ แดนพุทธภูมิ สาธารณรัฐอินเดีย โดยมีเป้าหมายหลอมรวมทุกศาสนาให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อสันติสุขและสันติภาพของโลก
ดร.สุภชัย มอบเข็มกลัดสัญลักษณ์โครงการธรรมยาตราครั้งที่ 4 ให้กับ “พระอุปติสสะเถโร” เพื่อ “ประกาศศตวรรษแห่งธรรม” เป็นประวัติศาสตร์การทำงานร่วมกันในศตวรรษที่ 21 ที่จะนำหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นแนวทางแห่งการปฏิบัติ และสร้างความผูกพันของดินแดนลุ่มน้ำโขงและมหานทีคงคา เสมือนหนึ่งนำ ”ธรรมะ” จาก “ดินแดนสุวรรณภูมิ” กลับสู่ “ดินแดนพุทธภูมิ”
“พระอุปติสสะเถโร” กล่าวต้อนรับคณะธรรมยาตราสู่สาญจี โดยแสดงความเห็นว่า ศตวรรษที่ 21 เป็น ”ศตวรรษแห่งธรรม” ซึ่งมหาโพธิสมาคมแห่งศรีลังกา รู้สึกภูมิใจที่ได้ทำงานร่วมกับ สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 เพื่อทำความฝันของศตวรรษแห่งธรรมให้เป็นความจริง
ขณะที่ รัฐมนตรีการพัฒนาชนบทและแรงงานแห่งรัฐมัธยประเทศ แสดงความยินดีและพร้อมสนับสนุนโครงการธรรมยาตราครั้งที่ 4 ในการประกาศศตวรรษแห่งธรรม และมั่นใจว่าทุกศาสนาจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข



นางเทจาร์ ชูดาสะมา ผู้อุทิศตนให้แก่การปฏิบัติธรรม จากรัฐคุชราตนับถือศาสนาฮินดู กล่าวถึงการเข้าร่วมพิธีอัญเชิญพระอรหันตธาตุครั้งนี้ ว่า รู้สึกประทับใจมาก ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพิธีการศักดิ์สิทธิ์ในวันนี้ โดยเชื่อว่า “พระพุทธศาสนา” จะสามารถหลอมรวมผู้คนทุกศาสนาให้เป็นหนึ่งเดียว ด้วยคำสอนที่เรียบง่ายและปฏิบัติได้จริง
หมุดหมายแรกแห่ง ”การประกาศศตวรรษแห่งธรรม” เริ่มขึ้นที่ พุทธวิหารสาญจี ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นที่ประดิษฐานของพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวกทั้งสอง เส้นทางต่อจากนั้นคือการธรรมยาตราไปยัง ปัตนะ-พุทธคยา-นิวเดลลี และคุชราต ระหว่างวันที่ 2-10 ธันวาคม 2567 โดยพิธีการสำคัญจะเกิดขึ้นในวันที่ 5 ธันวาคม 2567 คือการประกาศปฏิญญาว่าศตวรรษแห่งธรรม ซึ่งมาจากวิสัยทัศน์ศตวรรษแห่งเอเชียด้วยหลักธรรม ของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี แห่งสาธารณรัฐอินเดีย ที่กล่าวไว้เมื่อปี 2558 ว่า ศตวรรษที่ 21 คือ ”ศตวรรษแห่งเอเชีย” แต่จะเป็น ”ศตวรรษแห่งเอเชีย” ไม่ได้ ถ้าไม่มี “พระพุทธศาสนา” เป็นจุดเชื่อมโยงประเทศต่างๆเข้าด้วยกัน
สัญลักษณ์สำคัญครั้งประวัติของโครงการธรรมยาตราครั้งที่ 4 นอกจาก “การประกาศปฏิญญาศตวรรษแห่งธรรม” แล้วยังมีการฝัง “ไทม์แคปซูล” หรือ “แคปซูลแห่งกาลเวลา” เพื่อเก็บรักษาหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศไทย และสาธารณรัฐอินเดีย บรรจุไว้ใต้พิภพ ณ ดินแดนพุทธสถานแห่งการตรัสรู้ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยจะมีการเปิด ”แคปซูลแห่งกาลเวลา” ในอีก 234 ปีข้างหน้า เพราะปี พ.ศ.234 เป็นปีที่ ”พระเจ้าอโศกมหาราช” ส่งคณะสมณทูตออกเผยแผ่พระพุทธศาสนา ยังดินแดนต่างๆรวม 9 สาย อีกทั้ง ตัวเลขปี 234 ยังรวมกันได้เลข 9 ตรงกับ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ผู้ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภกของไทย