ดร.วินัย วีระภุชงค์
ประธานกรรมการ
บริษัท ไทยนครพัฒนา จำกัด
และบริษัทในเครือ
ประธานมูลนิธิวีระภุชงค์

หนังสือที่ระลึกครบรอบวันเกิด

ดร.วินัย วีระภุชงค์

80 ปี แปดคำนิยามชีวิต

แปดคำนิยามชีวิต

คุณวินัย วีระภุชงค์ เกิดที่ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี เมื่อปี พ.ศ.2478  ในครอบครัวที่ประกอบกิจการค้าขายปุ๋ย สินค้าการเกษตร ในห้องแถวไม้ริมฝั่งคลองดำเนินสะดวก ทว่าหลังการสูญเสียคุณพ่อที่ล้มป่วยจากไข้มาลาเรียไปในวัยเพียง 8 ขวบ ทำให้ ด.ช.วินัย ต้องออกจากโรงเรียนหลังเรียนจบเพียงชั้น ป.4 เพื่อมาช่วยแม่ค้าขาย รวมถึงช่วยดูแลพี่สาวและน้องชายในฐานะลูกชายคนโต โดยมีคำสอนของ “เตี่ย” ที่ว่า “คนเราจะเติบโตได้ต้องพึ่งกระดูกและเนื้อของตัวเอง” เป็นหลักประจำใจในการสู้ชีวิตมาโดยตลอด อันเป็นแรงผลักดันสำคัญให้คุณวินัย เมื่อก้าวเข้าสู่วัยหนุ่มตัดสินใจจากบ้านมา ใฝ่หาความรู้ด้วยตัวเอง ทั้งการเรียนภาษาอังกฤษ และภาษาจีนเพิ่มเติม จนได้เข้ามาเป็นเซลส์ขายยาของบริษัทอังกฤษตรางูใน ปี พ.ศ.2502 โดยรับผิดชอบพื้นที่สายใต้ ตั้งแต่ จ.นครปฐม เรื่อยลงไปถึง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
หลังสั่งสมประสบการณ์จากการเป็นเซลส์ขายยา คุณวินัยตัดสินใจครั้งใหญ่อีกครั้งด้วยการออกมาร่วมหุ้นเปิดบริษัทยากับญาติ  ในนาม ห้างหุ้นส่วนจำกัด นครพัฒนา เมื่อปี พ.ศ.2505 ตามมาด้วยการตั้ง โรงงานเภสัชกรรมนครพัฒนา ในปี พ.ศ.2510 ก่อนจะแยกตัวออกมาเปิดบริษัทของตัวเองเป็น บริษัท ไทยนครพัฒนา จำกัด ในวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ.2522 ซึ่งยืนหยัดมาจนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลากว่า 35 ปี
ปัจจุบัน คุณวินัย มิได้หยุดอยู่เพียงการสร้าง ไทยนครพัฒนาให้เป็นบริษัทยาคุณภาพเพื่อคนไทยเท่านั้น แต่ยังขยายธุรกิจสู่โรงแรมและการท่องเที่ยวภายใต้เครือ โภคีธรา ซึ่งลงหลักปักฐานอย่างมั่นคงทั้งในและต่างประเทศ อันประกอบด้วย
– โรงแรมโซฟีเทล กระบี่ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท จ.กระบี่
– โรงแรมโซฟิเทล อังกอร์ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท เมืองเสียมราฐ
– สนามกอล์ฟ โภคีธรา คันทรี คลับ
– โรงแรมโซฟิเทล พนมเปญ โภคีธรา ประเทศกัมพูชา
และกำลังมีแผนจะเปิดโรงแรมชั้นนำอีกหลายแห่งตามมาในอีกไม่ช้า
เบื้องหลังความสำเร็จของคุณวินัย วีระภุชงค์ ซึ่งยังคงทำงานหนัก แม้ในวัย 80 ปี ที่เวียนมาบรรจบครบรอบในวันที่ 22 มีนาคม 2558 นอกจากจิตใจของความเป็นนักสู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล รวมถึงการทำงานด้วยการยึดหลัก คุณธรรมนำธุรกิจ มาโดยตลอด อีกหนึ่งแรงใจสำคัญ คือ คู่ชีวิต คุณนวลละออ, ลูกๆ ทั้ง 4 คน และหลานๆ 12 คน ที่เข้ามาเติมเต็มความรัก ความอบอุ่นในครอบครัวให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นในทุกๆ วัน
คู่แท้ – คู่ชีวิต
แม้ว่าครอบครัวของคุณวินัย และคุณนวลละออ ต่างก็ประกอบอาชีพค้าขายอยู่ริมสองฝั่งคลองดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี เช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้ทำความรู้จักกันมาก่อนจนกระทั่งคุณวินัยก้าวเข้าสู่วัยอุปสมบทเมื่ออายุได้ 21 ปี ส่วนคุณนวลละออ อายุ 18 ปี ได้รับคำเชิญชวนจากพี่สาวของคุณวินัยให้มาช่วยงานอุปสมบท โดยคุณนวลละออ ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้อุ้มต้นเทียนในขบวนแห่นาค นั่นจึงเป็นครั้งแรกที่บุพเพสันนิวาสชักพาให้คุณวินัยและคุณนวลละออ ได้ทำความรู้จักกันเป็นครั้งแรก ก่อนที่จะสานสัมพันธ์จนกลายเป็นคู่รัก และตัดสินใจเป็นคู่ชีวิตกันในอีก 3 ปีต่อมา
“ถึงจะอยู่คลองเดียวกันแต่ก็ไม่รู้จักกัน บ้านอยู่คนละฝั่งคลอง เรียนกันคนละที่ รู้จักกันตอนคุณวินัยบวชป้าใหญ่ คือพี่สาวคุณวินัยมาเรียกให้ไปอุ้มต้นเทียนในงานบวช คนอุ้มต้นเทียนตอนนั้นมี 3 คน ส่วนใหญ่ก็ต้องเลือกคนที่สุภาพเรียบร้อย หลังจากนั้นก็เจอกันตอนบิณฑบาตพระตอนเช้าบ้าง หลังจากคุณวินัยสึกแล้วก็ยังไม่สนิทกัน มาเริ่มสนิทตอนคุณวินัยไปเป็นทหาร ต้องประจำอยู่กรุงเทพฯ เป็นเดือน จะได้เจอกันตอนคุณวินัยกลับไปเยี่ยมบ้าน สมัยนั้นจะไปเที่ยวไหนต้องนั่งเรือ ป๋าก็จะชอบแวะบ้านเพื่อนผู้หญิงอีก 2 คนก่อนแล้วค่อยมาบ้านแม่ แม่ก็ยังคิดว่าเขาต้องมาชอบเพื่อนเพราะป๋าแวะบ้านเพื่อนคนนั้นเป็นประจำ แต่เวลาไปเที่ยวก็ชวนแม่ไปคนเดียว ไม่เคยชวนเพื่อนไปด้วย ป๋าชวนไปเที่ยวครั้งแรกรู้สึกจะเป็นปีใหม่ นั่งรถเมล์เข้ามาเที่ยวในกรุงเทพฯ มาดูหนังตอนกลางวันที่โรงหนังจำไม่ได้ว่าเฉลิมกรุงหรือเฉลิมไทย แล้วค้างบ้านน้าในกรุงเทพฯ หลังจากป๋าเป็นทหารได้ 2 ปี รวมแล้วรู้จักกัน 3 ปี ก็แต่งงานตอนแม่อายุ 21 ป๋าอายุ 24” คุณนวลละออในวัย 76 ปี เล่าย้อนถึงความหลังในวันวาน
หลังจากแต่งงาน ช่วงปีแรกๆ คุณวินัย และคุณนวลละออ ยังคงพักอาศัยอยู่ที่บ้านริมคลองดำเนินสะดวกโดยคณุ นวลต้องพบกับบททดสอบสำคัญของการครองชีวิตคู่จากการต้องห่างไกลคู่ชีวิต เนื่องจากสามีซึ่งมีอาชีพเซลส์ขายยาต้องจากบ้านไปคราวละนานๆ แม้เมื่อหลังจากคลอดลูกชายคนโต (คุณสุภชัย วีระภุชงค์) ที่ อ.ดำเนินสะดวก ย้ายครอบครัวเข้ามาอยู่ที่กรุงเทพฯ ย่านซอยทองหล่อถ.สุขุมวิท และให้กำเนิดลูกชาย ลูกสาวอีก 3 คน (คุณทิพย์วรรณ, คุณวโรดม และคุณวราภรณ์ วีระภุชงค์) คุณนวลละออ ยังคงทำหน้าที่แม่บ้านเต็มตัวเลี้ยงลูกทั้ง 4 คนอย่างเต็มที่ ไม่มีขาดตกบกพร่อง โดยมีคุณวินัย เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว แม้ภาระการงานจะหนักหนา ทั้งยังต้องเดินทางห่างไกลบ้านตลอดระยะเวลาของการทำงาน ซึ่งกินเวลานานนับเดือน ทว่าคุณวินัยก็ไม่เคยลืมที่จะเขียนจดหมายมาหาคุณนวลอย่างสม่ำเสมอ
พ่อ – ต้นแบบชีวิต
นอกจากการเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นคุณพ่อที่สุดแสนจะใจดีของลูกๆแล้ว คุณวินัย ยังเป็นต้นแบบด้านการดำรงชีวิตและการบริหารธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำหลักพระพุทธศาสนามาใช้ในการดำเนินธุรกิจภายใต้หลัก คุณธรรมนำธุรกิจ, การมีวิสัยทัศน์, การใส่ใจในรายละเอียด รวมถึงการให้โอกาส แบ่งปันประสบการณ์ให้กับผู้อื่น
คุณสุภชัย วีระภุชงค์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยนครพัฒนา จำกัด หรือคุณอ๊อด ลูกชายคนโต บอกเล่าถึงคำสอนจากคุณพ่อว่า
“งานทุกอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้ ทำภายใต้กรอบนโยบายที่คุณพ่อให้แนวทางไว้ อันดับแรกถ้าพูดถึงคุณพ่อ คือ ความมีวิสัยทัศน์ คุณพ่อเป็นคนที่มองอะไรด้วยประสบการณ์และสัญชาตญาณที่มองอนาคตไปเป็น 10 ปี เวลาทำธุรกิจคุณพ่อพูดเสมอว่า การทำธุรกิจต้องทำเพื่ออนาคต ถึงแม้ว่าจะได้เงินวันนี้ แต่ถ้าไม่ใช่เพื่ออนาคตท่านก็ไม่แนะนำให้ทำ ท่านให้มองลักษณะว่า ทำวันนี้เหนื่อยวันนี้ เพื่ออนาคตในวันข้างหน้า เพื่อลูกหลานในวันข้างหน้า นี่คือวิธีการที่ท่านสอนเรามาตลอดทั้งชีวิตอีกสิ่งหนึ่งที่จำได้ตั้งแต่เด็ก คือ คุณพ่อสอนว่า ในอดีตครอบครัวเราไม่ได้เป็นครอบครัวที่มีฐานะ เราเป็นครอบครัวมาจากคนชั้นกลาง อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ทำสวนค้าขาย เพราะฉะนั้นถ้าเรามีต้องรู้จักแบ่งปัน เป็นผู้ให้
ความสำเร็จของธุรกิจเราจะต้องเอาใจเขาไปใส่ใจเราอ่านใจลูกค้า อ่านใจผู้ร่วมงาน อ่านใจลูกน้องว่าเขาต้องการอะไร มีความเข้าใจในวิธีคิดของลูกค้า ไม่ใช่เอาตัวเราเป็นที่ตั้ง นี่คือสิ่งที่คุณพ่อสอนมาตลอด
หลังจากแต่งงาน ช่วงปีแรกๆ คุณวินัย และคุณนวลละออ ยังคงพักอาศัยอยู่ที่บ้านริมคลองดำเนินสะดวกโดยคณุ นวลต้องพบกับบททดสอบสำคัญของการครองชีวิตคู่จากการต้องห่างไกลคู่ชีวิต เนื่องจากสามีซึ่งมีอาชีพเซลส์ขายยาต้องจากบ้านไปคราวละนานๆ แม้เมื่อหลังจากคลอดลูกชายคนโต (คุณสุภชัย วีระภุชงค์) ที่ อ.ดำเนินสะดวก ย้ายครอบครัวเข้ามาอยู่ที่กรุงเทพฯ ย่านซอยทองหล่อถ.สุขุมวิท และให้กำเนิดลูกชาย ลูกสาวอีก 3 คน (คุณทิพย์วรรณ, คุณวโรดม และคุณวราภรณ์ วีระภุชงค์) คุณนวลละออ ยังคงทำหน้าที่แม่บ้านเต็มตัวเลี้ยงลูกทั้ง 4 คนอย่างเต็มที่ ไม่มีขาดตกบกพร่อง โดยมีคุณวินัย เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว แม้ภาระการงานจะหนักหนา ทั้งยังต้องเดินทางห่างไกลบ้านตลอดระยะเวลาของการทำงาน ซึ่งกินเวลานานนับเดือน ทว่าคุณวินัยก็ไม่เคยลืมที่จะเขียนจดหมายมาหาคุณนวลอย่างสม่ำเสมอ

มหามงคลแห่งชีวิต

คุณวินัย วีระภุชงค์ รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นที่ 7 เหรียญเงินดิเรกคุณาภรณ์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ฯพณฯ พลอากาศเอก กำธน สินธวานนท์ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์มอบเกียรติบัตรพ่อตัวอย่างแห่งชาติ ประจำปี 2556 ณ สวนอัมพร พระราชวังดุสิต ซึ่งคุณวินัย วีระภุชงค์ เป็น 1 ในผู้ได้รับรางวัล พ่อตัวอย่างแห่งชาติ ในปีดังกล่าวด้วย
เป็นเวลา กว่า 50 ปี ที่คุณวินัย วีระภุชงค์ เปลี่ยนสถานะจากลูกจ้าง หรือพนักงานทั่วไป เป็นผู้บริหาร กระทั่งเป็นเจ้าของธุรกิจ ที่สามารถใช้คำว่าประสบความสำเร็จ และได้รับการยอมรับอย่างสูง จากผู้คนทั้งในแวดวงอุตสาหกรรมที่ดำเนินการอยู่ รวมถึงสังคมไทยในภาพรวม
ห้วงเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตธุรกิจของคุณวินัยผูกพันแนบแน่นกับ 2 เรื่อง แน่นอนว่า เรื่องแรก คือ ธุรกิจยา ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของตระกูลวีระภุชงค์ในปัจจุบัน และธุรกิจโรงแรม ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่ในช่วงต้นของชีวิต ลึกซึ้งมั่นคงยาวนานมาจวบจนปัจจุบัน
ภายหลังสั่งสมประสบการณ์ในวงการตลาดยาไทยมานานระดับหนึ่ง จนเกิดความรู้สึกต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจยาเอง คุณวินัยจึงร่วมลงทุนกับญาติ ตั้งบริษัทชื่อ ห้างหุ้นส่วนจำกัด นครพัฒนา โดยมีเครื่องหมายตราครก บดยาเป็นสำคัญ เมื่อปี พ.ศ. 2505
ปี พ.ศ. 2510 ได้สร้างโรงงานยา ตามกฎระเบียบของคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ใช้ชื่อว่า โรงงาน เภสัชกรรมนครพัฒนา จากนั้นเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัทไทยนครพัฒนา จำกัด เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ.2522
มองมุมการทำธุรกิจ ที่โดยหลัก หรืออาจใช้คำว่า ส่วนใหญ่ การทำกำไรเป็นเรื่องสำคัญที่สุดื 2 ปัจจัยที่สามารถเพิ่มกำไร คือ เพิ่มยอดขาย และลดต้นทุน ส่วนหลัง คือ หาวัตถุดิบราคาถูกที่สุด จุดนี้คุณธนัญ เพิ่มเติมให้เห็นถึงจุดยืนของคุณวินัยชัดเจนในตลาด โดยทั่วไปนโยบายของแต่ละโรงงานไม่เหมือนกันสำหรับคนที่คิดแต่ผลประโยชน์อย่างเดียว อยากได้กำไรมากเขาก็พยายามหาวัตถุดิบที่ถูก ซึ่งไม่ใช่ว่า ถูกแล้วไม่ดีเพราะกระบวนการผลิตของ อย. บังคับ หรือกำหนดเลยว่าการผลิตยา เมื่อทำเสร็จ ต้องวิเคราะห์ ต้องผ่านมาตรฐานจึงจะนำไปจำหน่ายได้
คุณวินัยย้ำเรื่องคุณภาพของยาว่า ต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ผลิตภัณฑ์ทำให้ดีที่สุด ต้องมั่นใจในคุณภาพ “เราต้องกินเองได้ ไม่ใช่ผลิตแล้วเราไม่กิน แล้วเราจะไปขายคนอื่นได้อย่างไร เราต้องใช้สินค้าได้เองทุกอย่าง ลูก หลาน ใช้เองได้ พวกเราจะกินยาของเราเองตั้งแต่เด็ก”
กระนั้น วลีที่ว่า ความสำเร็จ ไม่ได้เกิดจากเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอ ฉันใด ชีวิตธุรกิจของคุณวินัยก็ไม่แตกต่างกันฉันนั้น
ส่วนหลักการตลาด อิงพระพุทธศาสนา คือ หลักธรรม จริยธรรม เน้นเรื่องตรงไปตรงมาทุกอย่าง คือ ต้องผลิตสินค้าที่ดีมีธรรม มีความจริงใจกับลูกค้า ไม่โกหกลูกค้า ไม่หลอกตัวเอง ไม่หลอกผู้อื่น
จากธุรกิจยาสู่ธุรกิจโรงแรม
ครั้งแรกๆ ที่คุณวินัย เริ่มเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ยา เป็นการอยู่ในฐานะเจ้าของคือการเข้าหุ้น รวมถึงการเป็นผู้บริหารโรงแรมมโนราห์ที่หาดใหญ่
ปี 2519 คุณวินัย ร่วมหุ้นกับเพื่อนๆ ในวงการยาโดยมี นพ.ฉลอง ณ สงขลา เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เปิดโรงแรมในเมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ตั้งชื่อสอดคล้องกับวัฒนธรรมท้องถิ่นภาคใต้ว่า โนราห์ ที่มีสโลแกนสะท้อนแนวคิดหลักในการบริการที่ชัดเจนมาตั้งแต่ต้นว่า “โนราห์ …. เหมือนบ้าน” โรงแรม โนราห์ เป็นโรงแรมมาตรฐานระดับ 3 ดาว ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ บริเวณที่มีชื่อว่า หนองผักบุ้ง ลงทุนด้วยงบประมาณ 45 ล้านบาท จากความทุ่มเทในการลงรายละเอียดทุกส่วน ทำให้โรงแรมโนราห์ได้รับความนิยมไม่แพ้โรงแรมอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีจุดบกพร่อง ที่กลายเป็นบทเรียนสำคัญ ทำให้คุณวินัยได้เรียนรู้เรื่องการวางรากฐานระบบโรงแรม ที่ต้องเริ่มจากการวางแผนก่อสร้างเป็นสำคัญ จนสามารถนำไปปรับแผนก่อสร้างโรงแรมอื่นๆ ในเครือได้ในเวลาต่อมาแม้การบริหารโรงแรมทำได้ดี ทำกำไรได้ในปีแรกและคืนทุนได้ภายในเวลาเพียง 5 ปี ชื่อเสียงโรงแรมติดตลาด มีลูกค้าประจำ แต่ก็มีจุดหักเหที่ทำให้โรงแรมโนราห์ เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อคุณหมอฉลองเสียชีวิต กะทันหัน จากนั้น คุณวินัย รับหน้าที่บริหารโรงแรมต่ออีก 2 ปี แต่เมื่อถึงช่วงที่ควรปรับปรุงโรงแรม ปรากฏว่าค่าซ่อมแซมสูงเกือบเท่าการสร้างใหม่ ทำให้ต้องตัดสินใจทุบโรงแรม เหลือไว้เพียงที่ดินว่างเปล่า กลางเมืองหาดใหญ่จนถึงทุกวันนี้
เกือบ 2 ทศวรรษ คือในปี 2535 โรงแรมที่มีจุดกำเนิดจากวิสัยทัศน์ของคุณวินัยถือกำเนิดขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่ไม่ได้เป็นการเกิดขึ้นบนผืนแผ่นดินไทย แต่ข้ามพรมแดนไปสร้างความเจริญให้ประเทศเพื่อนบ้านและสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยไปพร้อมๆ กัน ณ กรุงพนมเปญ เมืองหลวงของประเทศกัมพูชา
จากไทยสู่กัมพูชา
มากกว่าธุรกิจ คือความมั่นคงของเพื่อนบ้าน
จุดเริ่มต้นของการเข้าไปทำธุรกิจยาในกัมพูชาของไทยนครพัฒนา ได้รับความช่วยเหลืออย่างมากจาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้บัญชาการกองทัพบก และ คุณหญิงพันธุ์เครือ ภริยาของ พล.อ.ชวลิต ช่วงแรกนั้น เป็นคุณอ๊อด-สุภชัย เป็นผู้เข้าไปบุกเบิกตลาดยาในกัมพูชา พล.อ.พอพล มณีรินทร์ ที่ปรึกษากองทัพบก ซึ่งเมื่อ พ.ศ 2534 มียศพันโท ให้ข้อมูลซึ่งสามารถกล่าวได้ว่าเป็นแนวคิดหลักของกองทัพบกไทยในเวลานั้น และเป็นจังหวะก้าวสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทยและกัมพูชาในเวลาต่อมาว่า เนื่องจากช่วงเวลานั้น มีความไม่สงบเกิดขึ้นในกัมพูชา ทั้งรัฐบาลและกองทัพ เข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ไข โดยใช้ศักยภาพของกองทัพในการแก้ปัญหาให้เกิดสันติสุข ซึ่งนอกจากบริษัทของคุณวินัยแล้ว ยังมีนักธุรกิจไทยจำนวนหนึ่งติดตามคณะเข้ามาในห้วงเวลาเดียวกัน อาทิ คุณโอฬาร อัศวฤทธิกุล คุณสมพร สหวัฒน์ ฯลฯ
คุณวินัย วีระภุชงค์ และคุณสุภชัย วีระภุชงค์ ถ่ายภาพร่วมกับ พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กัมพูชา
“ตอนนั้น ผู้นำกองทัพทั้งสองฝ่ายรู้จักกันพอสมควรจึงใช้ช่องนี้ ซึ่งนอกเหนือจะเข้าไปพัฒนาเรื่องความคิดเพื่อให้เกิดความสามัคคีแล้วเราก็คิด เรื่องการพัฒนาสุขภาพขั้นพื้นฐานของคนกัมพูชาให้ได้ใช้ของเหมือนกับคนไทย จากนั้นก็เปลี่ยนจากใช้เป็นผลิตด้วย ทั้งหมดนี้ คือ เพื่อให้เกิดความเจริญ ความมั่นคงในประเทศเพื่อนบ้าน”
จากรอยัล พนมเปญ สู่ โซฟิเทล พนมเปญ โภคีธรา
เสริมภาพพจน์การลงทุน ในกัมพูชา
ช่วงปี 2533-2534 กัมพูชา เพิ่งผ่านความยากลำบากมา เรียกว่าเพิ่งเปิดบ้าน เปิดเมืองใหม่ๆ ขณะนั้น กระทรวงกลาโหม มีที่ดินอยู่แห่งหนึ่ง มีการพูดคุยกันถึงเรื่องการเช่าที่ดิน เพื่อสร้างเป็นโรงแรม การทำสัญญาเช่าสถานที่ของกองทัพบกกัมพูชา เพื่อสร้างโรงแรมรอยัล พนมเปญ มีขึ้นเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2535 ที่บ้านของ พล.อ. เมืองสมพร หลังจากเข้ามาดูที่ดินแล้ว จากนั้นจึงเร่งสร้างในปี 2535 เริ่มต้นเป็นโรงแรมชั้นเดียวจำนวน 40 ห้อง ก่อนขยายเป็นสองชั้น รวม 75 ห้อง ปลูกสร้างเป็นแบบรีสอร์ทในเมือง ส่วนเรื่องสาธารณูปโภคทั้งไฟฟ้าและน้ำ ทางโรงแรมก็ดำเนินการเองทั้งหมด เช่น มีเครื่องปั่นไฟ ตลอด 24 ชั่วโมง มีระบบที่ดีทำให้มีน้ำใสสะอาดใช้ในโรงแรม ขณะที่ทุกอย่างกำลังไปได้ดีเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเดือนมกราคม 2546 จากกรณีความเข้าใจไม่ถูกต้องตรงกันของข้อมูลข่าวสาร จนเกิดกระแสความไม่พอใจรุนแรง ถึงขนาดเผาทำลายสถานทูต รวมทั้งธุรกิจของคนไทย ส่งผลให้โรงแรมเสียหายทั้งหมด
พ.ศ.2537 วันที่ รอยัล พนมเปญ เริ่มเปิดกิจการเป็นโรงแรมระดับ 4-5 ดาว ขณะที่ วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554 ฯพณฯ พล.อ. เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กัมพูชา ร่วมกับ ฯพณฯ ดร. ทอง คุณ รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยว, คุณหญิงพันธุ์เครือ ยงใจยุทธ, คุณวินัย วีระภุชงค์ ประธานกรรมการ โภคีธรา กรุ๊ป ร่วมในพิธีเปิดโรงแรม โซฟิเทล พนมเปญ โภคีธรา อย่างเป็นทางการ ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โรงแรม โซฟิเทล พนมเปญ โภคีธรา ตั้งอยู่กลางใจเมืองของกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำบาซัค (Bassac) มีห้องพักทั้งหมด 201 ห้อง ตกแต่งแบบโคโลเนียลย้อนยุค ให้ความสำคัญกับการตกแต่งภายในที่มีการผสมผลาน สถาปัตยกรรมของประเทศฝรั่งเศส และกัมพูชา อย่างลงตัว พร้อมทั้งมีห้องอาหารนานาชาติเพื่อความต้องการที่หลากหลายของแขกที่มาพักนักธุรกิจ นักท่องเที่ยว ฯลฯ
โรงแรม โซฟิเทล พนมเปญ โภคีธรา ตั้งอยู่กลางใจ เมืองของกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
โรงแรมโซฟิเทล กระบี่ โภคีธรา
โรงแรมโซฟีเทล กระบี่ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท เปิดตัวในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2550 ดำเนินงานภายใต้การบริหารงานของ Accor เชนซึ่งเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลกด้านธุรกิจการโรงแรม มีจุดเด่นที่แตกต่างจากรีสอร์ทอื่นๆ เพราะคำนึงถึงสภาพแวดล้อมเป็นหลักนอกจากนั้น รูปแบบของโรงแรมมีการผสมผสานทางความคิดที่ทำให้โรงแรมดูไม่เก่าไปตามกาลเวลา โรงแรมสูง 3 ชั้น อยู่ห่างจากทะเลประมาณ 18 เมตร ใกล้แหล่งท่องเที่ยวอย่างเกาะห้อง ที่ใช้เวลาล่องเรือด้วยเรือสบีทโบ๊ทเพียง 5 นาที ก็สามารถไปยังเกาะได้ มีห้องพักทั้งหมดรวม 278 ห้อง สระว่ายน้ำกลางแจ้ง 7,000 ตารางเมตร เป็นสระน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดกระบี่ มีเลอสปา เป็นที่แรกในทวีปเอเชียแปซิฟิก รวมถึงการบริการสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับกีฬาทางน้ำบนชายหาด ยิ่งกว่านั้นโรงแรมโซฟีเทล กระบี่ โภคีธรา กอล์ฟแอนด์ สปา รีสอร์ท ยังมีสนามกอล์ฟตั้งอยู่ภายในโรงแรมด้วย โดยเป็นสนามขนาด 9 หลุม พาร์ 28 เป็นหลุมพาร์ 3 แปดหลุม และหลุมพาร์ 4 หนึ่งหลุม ด้วยสภาพภูมิประเทศที่ตั้งบนเชิงเขาหงอนนาคต่อลงมาถึงหาดคลองม่วงหน้าโรงแรม ช่วยให้สนามมีความท้าทายและมีทิวทัศน์สวยงามยิ่ง
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงฉายพระรูปร่วมกับครอบครัววีระภุชงค์ ระหว่างเสด็จฯ เปิดและประทับแรม ณ โรงแรมโซฟีเทล กระบี่ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์สปา รีสอร์ท เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2550
โรงแรมโซฟิเทล อังกอร์ โภคีธรา เสียมราฐ
โรงแรมโซฟิเทล อังกอร์ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท เมืองเสียมราฐ จดทะเบียนในนามบริษัท รอยัล อังกอร์ จ􀅉ำกัด (Royal Angkor Co.,Ltd) ที่เมืองเสียมราฐ โดยมีการลงทุนสร้างสนามกอล์ฟโภคีธรา คันทรีคลับ (Phokeethra Country Club) เป็นสนามกอล์ฟ มาตรฐานโลกทันสมัยที่สุด อยู่ในเสียมราฐด้วย โภคีธรา คันทรี คลับ เป็นสนามกอล์ฟ 18 หลุม เปิดดำเนินการในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2549 บนเนื้อที่ 700 ไร่ และปลายปีต่อมา ถูกใช้เป็นสถานที่จัดแข่งขันกอล์ฟ แคมโบเดียโอเพ่น (Cambodia Open) เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันกอล์ฟระดับภูมิภาคเอเชีย ที่มีขึ้นเป็นครั้งแรก ในกัมพูชา
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เปิดโรงแรมโซฟิเทล อังกอร์ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา เมื่อปี 2544
หลังจากที่คุณวินัยเปิดบริษัท ไทยนครพัฒนา จำกัด โดยมีครกบดยา เป็นเครื่องหมายทางการค้าตั้งแต่ 4 มิถุนายน 2522 จากนั้นเป็นต้นมา อาจเป็นการกล่าวไม่ผิดนัก หากบอกว่า การตลาดที่เข้มข้นของตลาดยาประเภทผลิตภัณฑ์ยาจำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ (Over the Counter-OTC) โดยคนไทย ได้เริ่มต้น สร้างกรณีศึกษาไว้ในบทเรียนทางการตลาดที่สามารถสร้างแบรนด์ไทยให้แข่งขันได้กับแบรนด์คู่แข่งต่างชาติ และถือเป็นผู้ประกอบการธุรกิจขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอีไทยด้านธุรกิจยาที่มีความแข็งแกร่งในเวทีนี้อย่างต่อเนื่อง
แบรนด์สำคัญที่คุณวินัยสร้างขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งมีศาสตร์ในกระบวนการสร้างแบรนด์มาเกี่ยวข้องโดยที่คุณวินัยก็ไม่เคยศึกษามาจากหนังสือการตลาดเล่มใดๆหากแต่ใช้ “สัญชาตญาณทางการตลาด” เองล้วนๆ ผสมผสานกับการคำนึงถึงความต้องการของประชาชนที่ต้องการใช้ยาเป็นสำคัญ เมื่อมาบวกกับหลายคำถามของคนในวงการยาว่า บริษัทผู้ผลิตยาของคนไทยจะสามารถแข่งขันกับบริษัทยานำเข้าจากต่างประเทศได้อย่างไร ในฐานะที่ยาเหล่านั้นเสมือนผู้นำแบรนด์ที่ผู้บริโภคมีความเชื่อถือทั้งในตัวแบรนด์ คุณภาพ ราคาสุดท้ายความเป็นแบรนด์ของต่างประเทศย่อมดีกว่าแบรนด์ไทย
ทว่า คุณวินัยก็เชื่อในสิ่งที่ตัดสินใจ จากประสบการณ์ที่เห็นเป็นโอกาสสร้างแบรนด์ จึงเกิด 3 แบรนด์ทางด้านธุรกิจยาที่ถือเป็นกรณีศึกษาสำคัญของการสร้างแบรนด์ นับตั้งแต่ การตั้งชื่อ การทำ CRM (Customer Relationship Management) และการสื่อสารทางการตลาดอย่างครบเครื่อง ดังนั้นคุณวินัยจึงใช้เครื่องมือสื่อสารการตลาดเหล่านี้พร้อมๆ กัน และประสบความสำเร็จอย่างดีมาก จนกระทั่งกลายเป็น Brand Engagement ในเวลานั้น และส่งผลมายังความเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งในปัจจุบัน โดยจะขอยกตัวอย่าง 3 แบรนด์สำคัญทางยา
แอนตาซิล – Antacil
นับเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยที่มีพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่จะชอบอาหารรสจัดจ้าน ทั้งเผ็ดจัด เค็มจัดเปรี้ยวจัด สิ่งที่ตามมาคือ มักจะมีอาการปวดท้องเสียดท้อง เพราะในท้องมีกรดค่อนข้างมาก จึงต้องหาซื้อยาทานเพื่อลดอาการดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ คนไทยกับยารักษาโรคกระเพาะอาหารจึงเป็นของคู่กัน โดยมียารักษาโรคกระเพาะหลายแบรนด์ในตลาดที่ครองใจผู้บริโภคมากมาย เมื่อประมาณ 50 ปีที่แล้ว ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ
คุณวินัย ได้พบตลาดใหญ่ที่กล่าวถึงข้างต้น พร้อมทั้งเชื่อว่า บริษัทยาอย่าง ไทยนครพัฒนา ก็สามารถที่จะผลิตยาดีๆ ที่มีคุณสมบัติทางยาได้ดีไม่แพ้ยาจากต่างประเทศ โดยยาประเภทนี้มีชื่อสามัญทางยาคือ อะลูมินั่ม+แมกเนเซียม ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของยารักษาโรคกระเพาะแบรนด์ “แอนตาซิล” ทั้งชนิดน้ำ และชนิดเม็ด
ทิฟฟี่ – TIFFY
การเกิดแบรนด์ดังกล่าวนี้ เพราะภาพที่คุณวินัยเห็นทุกครั้งเมื่อไปต่างจังหวัดที่ชาวบ้านจะกำเงินไว้ในมือที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อเพื่อนำมาซื้อยาแก้ไข้ แก้หวัด ซึ่งในเวลานั้นตลาดนี้เป็นตลาดของบริษัทยาต่างประเทศที่ราคายาค่อนข้างสูงอยู่บ้าง แต่ทั้งหมดนี้คือ “โอกาส” และเมื่อคุณวินัยเห็นว่าเมื่อมีความพร้อม “ทิฟฟี่” ยาแก้ไข้หวัด ลดน้ำมูกตัวใหม่จึงเกิดขึ้น ภายใต้ บริษัทคนไทย
“ทิฟฟี่ เป็นยาที่ทำตลาดค่อนข้างยาก ยากกว่ายากระเพาะอีก เลยคิดว่าถ้าผมทำมันน่าจะดี เพราะแอนตาซิลเดินแล้ว จากนี้ไปจะต้องสร้างรากฐานที่มั่นคง” พร้อมกับการเกิดยาตัวใหม่ทุกครั้ง ส่วนใหญ่คุณวินัยจะเป็นผู้ตั้งชื่อเอง ครั้งนี้ก็เช่นกัน โดยมีหลักการว่า ชื่อนั้นไม่คล้ายคลึง หรือเลียนแบบแบรนด์ที่มีอยู่ในตลาดแล้ว เรื่องแรก ชื่อต้องแตกต่าง สีต้องไม่เหมือนรายอื่นๆ ในตลาด
คุณวินัยเล่าถึงการเกิดยาของไทยนครพัฒนาว่า “ชื่อทิฟฟี่มาจากเสียงคนเป็นหวัด เวลาสั่งน้ำมูกจะออกเสียงฟู่ฟี่ๆ เลยเลือกใช้ชื่อทิฟฟี่” ส่วนสีที่ใช้เลือกสีเขียว ตอนแรกชาวบ้านออกเสียงยาก ผมคิดประโยคว่า เธอรู้ไหม แผงสีเขียวมีอะไรบ้าง ก็มีบางท่านไปวิจารณ์ว่า โฆษณาเดี๋ยวนี้มันไม่ได้เรื่องใครเขาจะไปรู้ว่า แผงสีเขียวมีอะไร มาถามอย่างนี้ได้อย่างไร…”
คุณวินัย กล่าวต่อเนื่องว่า “ผมว่าทุกอย่างมันยากหมดนะ อยู่ที่ว่าเรามีวิสัยทัศน์ ว่าจะมองไปวิธีไหน ต้องรู้จริงแล้วจะเกิดความมั่นใจ การคาดการณ์พยากรณ์ตลาด ต้องเริ่มจากความตั้งใจ …” พอลงมือทำก็จะประกอบด้วยหลายๆ อย่าง คือ
• คุณภาพยา
• ความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์
• ราคาต้องเหมาะสม
ทีมการตลาดจนถึงการโฆษณา การวางแผนการขายต้องได้รับการสนับสนุนจากลูกค้าอย่างดี
ซาร่า – SaRa
ด้วยคนไทยมักจะมีอาการปวดหัว เป็นไข้อยู่เสมอซึ่งตลาดยาบรรเทาปวดลดไข้ที่มีตัวยาสำคัญคือพาราเซตามอลในตลาดส่วนใหญ่จะเป็นยาจากต่างประเทศอีกเช่นกัน คุณวินัยเห็นว่าเมื่อทิฟฟี่เกิดขึ้นมาได้ การสร้างยาเพื่อช่วยบรรเทา ปวด ลดไข้ โดยไทยนครพัฒนาก็สามารถสร้างตลาดตรงนี้ได้เช่นกัน แบรนด์ “ซาร่า” เกิดขึ้นมา ด้วยต้องการให้เรียกชื่อง่ายๆ เพียง 2 พยางค์เท่านั้น
ในเวลาต่อมา แบรนด์ซาร่าก็ติดตลาดยาอย่างรวดเร็วไม่น้อยไปกว่าแบรนด์รุ่นพี่อย่างทิฟฟี่ และแอนตาซิล ทั้ง 3 แบรนด์มีรูปแบบการสื่อสารทางการตลาดพร้อมๆ กันใน ทั่วประเทศ มีความครบเครื่องตั้งแต่ยุคแรก โดยที่คุณวินัยไม่เคยทราบมาก่อนว่า วิชาการตลาดเขาสอนอะไรกันบ้างใยยุคนั้น
โภคีธรา – PHOKEETHRA
นับเป็นแบรนด์สำคัญของธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับยาเมื่อคุณวินัยตัดสินใจแตกไลน์ธุรกิจไปสู่อสังหาริมทรัพย์ธุรกิจโรงแรม โดยเริ่มที่โรงแรมในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา จากการที่ได้พบที่ดิน 50 กว่าไร่ริมแม่น้ำโขงในฐานะที่เคยเป็นเจ้าของโรงแรมมโนราห์ หาดใหญ่ มาก่อน จึงตัดสินใจเข้าสู่ธุรกิจนี้อีกครั้ง พร้อมให้บริการตั้งแต่ปี 2535 “เราตั้งใจว่า เราต้องทำโรงแรมที่ดี เราต้องการมาสร้างภาพลักษณ์ชื่อเสียงให้กัมพูชา เราชอบที่จะทำโรงแรมแล้วแขกที่มาพักสบาย อยากให้แขกพูดว่า ห้องพักเราดีบริการดี อาหารอร่อย เราก็ภูมิใจ…”
โภคีธรา เป็นชื่อที่พราหมณ์ตั้งให้ โดยตั้งใจให้ สอดคล้องกับนามสกุล วีระภุชงค์
ภุชงค์ แปลว่า พญานาค
วีระ แปลว่า ความดี
วีระภุชงค์ แปลว่า พญานาคที่ตั้งอยู่ในศีลในธรรม
โภคี แปลว่า พญานาค เป็นชื่อของพญานาคขั้นสูงสุดที่เรียกว่า ปาตาล เป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งร่ำรวย
ธรา แปลว่า แผ่นดิน
โภคีธรา แปลว่า แผ่นดินของพญานาคผู้มั่งคั่ง
ตลอดระยะเวลากว่า 35 ปี ในการทำธุรกิจยา ในมุมมองของคุณวินัย วีระภุชงค์ ลูกค้ามิได้เป็นเพียงผู้มาซื้อสินค้าเท่านั้น แต่คุณวินัยให้ความสำคัญในฐานะหุ้นส่วนที่มีส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ส่วนลูกค้ารายย่อยที่ซื้อยาไปรับประทานเอง หรือมาใช้บริการโรงแรม สนามกอล์ฟ ก็ต้องได้รับสินค้าคุณภาพที่ดีที่สุดในราคาที่เหมาะสมเช่นกัน

คู่ค้า คือ เพื่อน

คุณสมนึก กิตติคุณ
เจ้าของร้านขายยา “สมนึกเภสัช” จ.ชลบุรี และที่ปรึกษาชมรมร้านขายยาแห่งประเทศไทย
คุณสมนึก กิตติคุณ
เป็นทั้งลูกค้าและเพื่อนสนิทของคุณวินัยมานานกว่า 50 ปี เล่าถึงการทำงานในฐานะลูกค้าที่พัฒนาความสัมพันธ์จน กลายมาเป็นเพื่อนสนิทจนถึงปัจจุบันว่า
“ในอดีตการจะได้ยอดขายยาตามเป้า ต้องอาศัย ความสนิทสนมกันของเซลส์และเจ้าของร้าน ถ้าสนิทกันก็ ช่วยหยิบยาให้ ช่วยอธิบายให้กับลูกค้าฟังว่ายาของบริษัทน้ี ดีกว่าของที่อื่นอย่างไร ประกอบกับทางเฮียวินัยมีการออก โฆษณายาก็ช่วยเรื่องยอดขายของร้านยาได้มาก
หลังจากสร้างโรงงานยา เฮียวินัยก็จัดทัวร์ทำให้ สนิทสนมกันมากขึ้น สิ่งที่ประทับใจในตัวคุณวินัยคือความ เป็นกันเอง มีความจริงใจต่อร้านค้า เพื่อนฝูง รวมถึงให้ ความช่วยเหลืองานของชมรมร้านขายยาแห่งประเทศไทย มาโดยตลอด”
คุณธนัญ ปุณวัฒนวิทย์
กรรมการผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอเชียเคมีเวชภัณฑ์
คุณธนัญ ปุณวัฒนวิทย์
เป็นทั้งคู่ค้าและเพื่อนเก่าแก่ของคุณวินัยมาเกือบ 60 ปี และ ยังคงนัดตีกอล์ฟในวันเสาร์ด้วยกันอย่างสม่ำเสมอ เล่าถึง การทำงานในแวดวงธุรกิจยาร่วมกับคุณวินัยว่า
“รู้จักกันเพราะทำอาชีพในวงการยา เริ่มจากคุณวินัย เป็นเซลส์ขายยา ผมก็เป็นพนักงานขายของหน้าร้าน ซึ่งตอนนั้น รู้จักพอสมควรแต่ไม่สนิท แต่มาสนิทจริงๆ หลังจากคุณวินัย มีกิจการของเขาเอง คิดแล้วก็เป็นเวลาเกือบๆ 60 ปี
ช่วงเวลาที่คุณวินัยเริ่มตั้งตัว ผมก็เริ่มตั้งตัว ผมออก มาท􀀁ากิจการเกี่ยวกับยา ทำเกี่ยวกับเคมียา วัตถุดิบ คุณวินัย ทำโรงงานผลิตยา เรามีวัตถุดิบซัพพลายส่งให้โรงงานของ คุณวินัย หลังจากนั้นเราก็มีการติดต่อมากขึ้น และเริ่มรู้จัก นิสัยกัน เริ่มสนิทกันมากขึ้น รู้สึกว่าเป็นเพื่อนที่สนิท คนหนึ่ง คิดแล้วก็ไม่ต่ำกว่า 50 ปี
สิ่งที่ผมกับคุณวินัยคิดตรงกันอย่างหนึ่งคือ การทำ อาชีพนี้เราต้องมีความรับผิดชอบไม่ใช่ทำเพื่อผลประโยชน์ อย่างเดียว อย่างคุณวินัยเขาขายยาเขาก็มีนโยบาย ยืนกรานว่า จะต้องเป็นยาที่มีคุณภาพ เขาพูดอยู่เรื่อยๆ ว่า ยาที่เขาขายให้ชาวบ้าน ลูกหลานในครอบครัวก็ต้องกินได้ เหมือนกัน ไม่ใช่เวลาลูกหลานของตัวเองไม่สบายแล้วไป กินยาจากต่างประเทศ ไม่มีแบบนั้น

ครอบครัวยา ไทยนครพัฒนา

คุณวิชัย อรุณรักษ์รัตนะ
ประธานชมรมร้านขายยาแห่งประเทศไทย
คุณธนัญ ปุณวัฒนวิทย์
คุณวิชัย อรุณรักษ์รัตนะ ประธานชมรมร้าน ขายยาแห่งประเทศไทย และผู้บริหารห้างหุ้นส่วนจำกัด หาดใหญ่ วี.อาร์.ดรักสโตร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เล่าถึง ความผูกพันจากลูกค้าจนกลายมาเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่มี ความสนิทสนมกับคุณวินัยมายาวนานกว่า 50 ปีว่า
“ผมขอใช้คำเรียกเฮียว่า เฮียวินัย เพราะผมเคารพ เฮียเหมือนพี่ชายคนนึงของผม ตั้งแต่ผมอยู่วงการยา ประมาณ 50 ปีที่แล้ว ผมก็รู้จักกับเฮียมาตลอด โดย เฉพาะอย่างยิ่งเฮียเป็นคนอุปนิสัยดี ช่วยเหลือคน สมัยนั้น ผมเป็นลูกน้องร้านขายยา ห้างหุ้นส่วนจ􀀁ากัด พุนพิน ฟาร์มาซี หาดใหญ่ มีลูกค้าอยู่ 8 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง เกือบ 200 ร้าน ส่วนเฮียเป็นผู้เสนอขายยาของบริษัท อังกฤษตรางู ความสัมพันธ์ของร้านยากับผู้แทนยามีผลต่อ การขายยาของบริษัทมาก ถ้าผู้แทนของบริษัทไหนไม่มี มนุษยสัมพันธ์กับร้านขายยา จะไม่ค่อยได้รับการสนับสนุน
ต่อมาเฮียได้สร้างโรงงานไทยนครพัฒนาขึ้นมา ซึ่งก็ เป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศ ยาที่ดังที่สุด คือ ทิฟฟี่ หลังจาก มีทิฟฟี่ออกมาผมก็พยายามเชียร์ ช่วยเต็มที่ เพราะถือว่า เฮียมีบุญคุญกับผม พอตอนหลังผมออกมาเปิดร้านเอง เฮียบอกผมว่ายาของเฮียมีเท่าไหร่เอาไปขายได้เลย เชื่อ เครดิตผม ทั้งๆ ที่ตอนนั้นผมยังไม่มีเครดิตเลย เพราะ เป็นลูกจ้างมาก่อน ในขณะที่บริษัทอื่นให้เครดิตไม่มากนัก ไม่สามารถทำอะไรได้ ฉะนั้น ถือว่าเฮียเป็นผู้มีพระคุณต่อผม และสนับสนุนผมจนมีทุกวันนี้

คุณภาพเพื่อคนไทย

คุณปริญญา อัครจันทโชติ
นายกสมาคมร้านขายยา
คุณปริญญา อัครจันทโชติ
กล่าวว่า รู้จักกับผลิตภัณฑ์และบริษัท ไทยนครพัฒนา จำกัดมานาน เนื่องจากที่บ้านประกอบธุรกิจร้านขายยามาตั้งแต่
รุ่นคุณพ่อ ซึ่งคุณวินัย วีระภุชงค์ นับเป็นผู้ใหญ่ซึ่งได้รับการยอมรับนับถือในวงการยามาอย่างยาวนาน
“ตั้งแต่สมัยคุณพ่อผมเป็นกรรมการสมาคมร้านขายยาก็จะได้ยินชื่อนายห้างวินัยว่าเป็นผู้ใหญ่ของธุรกิจยาส่วนสินค้าของไทยนครพัฒนา เป็นที่รู้จักและยอมรับอยู่แล้ว นายห้างเคยพูดครั้งหนึ่ง ซึ่งผมจำได้เป็นอย่างดี ท่านบอกว่า ท่านผลิตยาออกมาเพื่อให้ลูกหลานในครอบครัวของท่านสามารถใช้ได้ เมื่อท่านวางใจให้ลูกหลานของท่านใช้ได้ ประชาชนทั่วไปก็สามารถใช้ได้ เป็นยาที่ผลิตมาเพื่อความปลอดภัยของทุกคน
ภญ.ช้องมาศ นิติศฤงคาริน
นายกสมาคมเภสัชกรรมชุมชน (ประเทศไทย)
ภญ.ช้องมาศ นิติศฤงคาริน
“เนื่องจากเป็นเภสัชกรชุมชนและเป็นเจ้าของร้านยาจึงรู้จักผลิตภัณฑ์ของไทยนครพัฒนามานาน ตั้งแต่เปิดร้านยามา 30 กว่าปี ก็ใช้ผลิตภัณฑ์ของไทยนครพัฒนามาตลอด เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ติดตลาด ราคาสมเหตุสมผล ประชาชนระดับรากหญ้ามีความชื่นชมผลิตภัณฑ์ และใช้กันเยอะ ด้านการทำธุรกิจ หากลูกค้าร้านยาประสบความเดือดร้อนทางธุรกิจ ไทยนครพัฒนา ก็มีความจริงใจที่จะช่วยเหลือเช่นการยืดเครดิต แนะนำช่วยในเรื่องของความคิดต่างๆ บ้าง บนหลักการที่ถูกต้อง
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของไทยนครพัฒนา ไม่ได้ใช้เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่ข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน พม่า ลาว กัมพูชา มานานแล้ว ซึ่งประชาชนในประเทศเพื่อนบ้านก็รู้จักยาของไทยนครพัฒนาเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม เพราะเป็นสินค้าไทยแท้ 100% คุณภาพสมราคาและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไทยนครพัฒนา จึงเป็นหนึ่งในเสาหลักของอุตสาหกรรมยาประเทศไทย มีส่วนช่วยให้ประชาชนในภูมิภาคได้รับการบำบัด บรรเทาอาการเบื้องต้นของโรคก่อนที่จะเป็นโรคที่รักษายากต่อไป
การยืนหยัดเป็นผู้นำแถวหน้าในอุตสาหกรรมยาของประเทศไทย ทั้งยังได้รับการยอมรับนับถือจากลูกค้าคู่ค้า ซัพพลายเออร์ ฯลฯ มาตลอดระยะเวลา 35 ปีบ่งบอกถึงการทำธุรกิจอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมภายใต้ นโยบายการบริหารงานของคุณวินัย วีระภุชงค์ ผู้บริหาร บริษัท ไทยนครพัฒนา จำกัด สมดังสโลแกนของบริษัท ที่ว่า “คุณธรรมนำธุรกิจ” ซึ่งริเริ่มขึ้นตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทและจะดำเนินสืบต่อเช่นนี้ต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน
จากนโยบายดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมของ คุณวินัย วีระภุชงค์ ที่ยึดมั่นในการผลิตยาดีมีคุณภาพ ราคาเหมาะสม เพื่อให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ของประเทศสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย ตลอดระยะเวลา 35 ปีที่ผ่านมา ไทยนครพัฒนาจึงเป็นบริษัทยาไทยในอุตสาหกรรมยาที่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับบริษัทยาต่างชาติได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ทว่าเบื้องหลังความสำเร็จของไทยนครพัฒนา คุณวินัยระบุว่า ไม่ได้เกิดขึ้นจากตัวเขาเพียงคนเดียว แต่เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของพนักงานในบริษัทที่เข้าใจถึงเป้าหมายในการดำเนินงาน มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน คุณวินัยจึงให้ความสำคัญกับบุคลากรเป็นอันดับต้นๆ ในการบริหารงาน
“ในธุรกิจยาผมให้ความสำคัญกับลูกน้อง เพราะว่าความสำเร็จก็ขึ้นอยู่กับลูกน้อง คิดง่ายๆ ว่า ในธุรกิจนี้เราเป็นคนคิด แต่ถ้าลูกน้องไม่ทำก็ไม่สำเร็จเลย เราคิดถูกแต่พอลูกน้องไปทำมันไม่ถูก ก็เละ” คุณวินัย เผยวิธีคิดการบริหารงาน